ภาวะอิงอาศัย (commensalism) ฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์แตอีกฝ่ายไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ มีความสัมพันธ์แบบ +, 0 เช่น กล้วยไม้บนต้นไม้ ใหญ่ ผึ้งทำรังบนต้นไม้ นกทำรังบนต้นไม้ เถาวัลย์ที่เกาะบนต้นไม้ เหาฉลามกับปลาฉ ล เหาฉลาม ได้ประโยชน์คือมีอวัยวะสำหรับเกาะติดฉลามไปในที่ต่างๆ และกินเศษอาหารที่เหลือจากปลาฉลาม วามสัมพันธ์แบบ อิงอาศัย tpsวามสัมพันธ์ แบบอิงอาศัย 4.
สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ในระบบนิเวศมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน และมีความสัมพันธ์กันในลักษณะต่างๆ คือ 1. ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน (protocooperation) เป็นความสัมพันธ์ ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งคู่ เมื่ออยู่แยกกันก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ เช่น นกเอี้ยงกับควาย เพลี้ยกับมด มดจะพาเพลี้ยขึ้นไปไว้บน ต้นไม้ เพลี้ยดูดน้ำเลี้ยงจากต้นไม้ แล้วมดดูดน้ำเลี้ยงจากเพลี้ยอีกทีหนึ่ง ผึ้งกับดอกไม้ ผึ้งได้ ประโยชน์จากดอกไม้คือได้น้ำหวาน ส่วนดอกไม้ ได้ผึ้งช่วย ผสมเกสร นกเอี้ยงได้แมลงบนหลังควายเป็นอาหาร และ กำจัดแมลงที่ก่อความรำคาญให้ควาย ปูเสฉวนได้อาศัยซีแอนนีโมนี พลางตัวจากศัตรู ซีแอนนีโมนีได้ปูเสฉวนพาให้เคลื่อนที่ไปในที่ต่างๆ เพื่อหา อาหาร กเอี้ยงกับควาย&oq=นกเอี้ยงกับควาย 2. ภาวะพึ่งพากัน (mutualism) ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกันเสมอ เมื่ออยู่แยกจากฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น รากับสาหร่าย ซึ่งรวมเรียกว่าไลเคน ( lichen) สาหร่ายมีสีเขียวสามารถสร้างอาหารเองได้โดยอาศัยความชื้นจากเชื้อรา ราได้อาหารจากที่สาหร่ายสร้างขึ้น ลเคน โปร โต ซัว ในลำไส้ปลวก โปร โต ซัว ในลำไส้ปลวกสามารถย่อยเนื้อไม้ ได้ ทำให้ปลวกกินเนื้อไม้ เป็นอาหาร และ โปร โต ซัว ก็ได้อาหารจากการย่อยไม้ด้วย แบคทีเรียไรโซเบียมในปมรากพืชตระกูลถั่ว แบคทีเรียไรโซเบียมทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนในอากาศให้เป็นปุ๋ยแก่พืชขณะเดียวกันมันก็ได้ที่อยู่อาศัยและอาหารจากต้นถั่ว 3.