พญ. อรพิชญา ไกรฤทธิ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คลิกชมคลิปรายการ "หมู่บ้านอนามัยที่จ. เลยชาวบ้านนอนไม่เกิน6โมงเย็นตื่นตี2: พบหมอรามา ช่วง Rama update" ได้ที่นี่
การนอนไม่หลับบางครั้งก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพียงอย่างเดียว?? หากจะมองในด้านสุขภาพการนอนไม่หลับ หรือนอนไม่พอ คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งลำไส้, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน, ระบบย่อยอาหารผิดปกติ และในผู้ชายจะทำให้สมรรถภาพทางเพศจะลดลง ไม่เพียงเท่านั้นโรคนอนไม่หลับยังส่งผลในแง่ของประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย จากสถิติพบว่าร้อยละ 30-40 หรือราวๆ ประมาณ 19 ล้านคนของคนไทยเป็นโรคนอนไม่หลับ จากการศึกษาข้อมูลของ Rand Corporation พบว่า บริษัทและหน่วยงานต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาสูญเสียวันทำงานไปเกือบ 1. 2 ล้านวันต่อปี เนื่องจากผลกระทบของพนักงานที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่วนในประเทศญี่ปุ่นสูญเสียวันทำงานประมาณ 600, 000 วันต่อปี ในขณะที่อังกฤษและเยอรมันก็ไม่น้อยหน้าอยู่ที่ประมาณ 200, 000 วันต่อปี ซึ่งจากการสูญเสียวันทำงานจำนวนมากขนาดนี้ก็ส่งผลกระทบกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ต้องสูญเสียเงินหลักพันล้านดอลล่าร์ เพราะประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่ได้รับผลกระทบของการนอนไม่เพียงพอลดลง มีวิธีต่างๆ ที่แพทย์ทั่วโลกแนะนำให้ผู้ประสบปัญหาการนอนไม่หลับปฏิบัติ และทั้ง 12 ข้อนี้ก็คือ การปรับสุขศาสตร์การนอนหลับ (Sleep Hygiene) ที่ช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้น 1.
5 เท่า 5.
การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับร่างกาย แต่บางคนก็อาจมีปัญหาการนอนที่เกิดจากโรคนอนไม่หลับ หรือเกิดจากอาการนอนกรนที่มีความรุนแรง ( อ่านวิธีแก้นอนกรนได้ที่นี่) ทำให้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ขณะที่บางคนก็มีปัญหาการนอนมากเกินไป เมื่อตื่นขึ้นมาทำให้ไม่รู้สึกสดชื่นนั่นคือการนอนติดต่อกันเกินกว่า 12 ชั่วโมง ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการทำงานและการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เราจะเห็นได้ว่าจำนวนชั่วโมงการนอนไม่สำคัญเท่าการนอนให้เต็มตื่น และนั่นคือการนอนหลับที่มีคุณภาพนั่นเอง การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นอย่างไร?
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการนอนหลับที่ดี มีคุณภาพ เพื่อช่วยให้ร่างกายหลับลึก และได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่จริงๆ ซึ่งการนอนหลับที่ดีแบบนี้จะส่งผลให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ส่วนจะต้องทำยังไงบ้าง? มาดู... 1. นอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง หลักสำคัญของการนอน ต้องคำนึงอยู่ 2 อย่าง คือ 'ชั่วโมงการนอน' และ 'คุณภาพการหลับ' ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง และหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ 2. นอนครบวงจรการหลับ ร่างกายของคนเราจะมีวงจรการหลับอยู่ 3 ระยะ คือ ระยะการหลับตื้น ระยะการหลับลึก และระยะหลับฝัน การนอนที่ดีมีคุณภาพควรนอนหลับให้ครบทั้ง 3 ระยะ เพราะทุกระยะมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน 3.
จัดระเบียบชีวิตให้เป็นเวลา ทั้งเรื่องการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การเข้านอนและการตื่นนอน เพื่อให้ร่างกายปรับให้เกิดความคุ้นเคย 2. เมื่อตื่นนอนแล้วไม่ควรนอนอยู่บนเตียง ควรลุกขึ้นทำกิจกรรมสลัดความขี้เกียจทันที 3. ตื่นนอนเมื่อรู้สึกว่านอนพอแล้ว อย่าพยายามนอนต่อเพื่อชดเชยให้กับการอดนอนในวันที่ผ่านมา 4. หลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน ถ้าจำเป็นให้งีบสั้นๆ ไม่ควรนอนกลางวันนานเกิน 1 ชม. และไม่นอนหลังบ่ายสามโมง 5. ปรับสภาพห้องนอนให้เหมาะกับการพักผ่อน เวลานอนต้องไม่มีแสงรบกวน ไม่มีเสียงดัง และมีการระบายอากาศที่ดี 6. ไม่ควรใช้ที่นอนเป็นที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ บนที่นอน 7. หยุดทำกิจกรรมต่างๆ ก่อนนอน 30 นาที แต่สามารถอ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ ก่อนนอนได้ และไม่ควรดูหรือฟังอะไรที่ตื่นเต้นก่อนนอน 8. หลีกเลี่ยงกิจกรรมกระตุ้นร่างกายหรือจิตใจก่อนนอน เช่น การออกกำลังกาย 9. ไม่ทานอาหารมื้อใหญ่ก่อนนอน แต่ก็ต้องไม่ให้ท้องหิวก่อนนอน 10. ออกกำลังกายให้เข้มข้นสม่ำเสมอทุกวัน แต่ไม่ควรเกิน 19. 00 น. เพราะถ้าออกกำลังกายใกล้เวลานอนจะทำให้หลับยาก 11. เมื่อนอนไม่หลับจริงๆ อย่าบังคับตัวเองให้หลับ ควรลุกขึ้นมาทำอะไรที่สร้างความผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือจนกว่าจะรู้สึกง่วงอีกครั้งแล้วจึงเข้านอน 12.
ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด เพื่อลดความกังวลต่างๆ ในระหว่างที่หลับ ขอบคุณข้อมูลจาก: พ็อตเกตบุ๊ก 'สุขภาพดีได้ด้วยตัวเอง Good Health by yourself' โดย นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ (หน้า 236) ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว
30 น. เราควรเข้านอน ได้แก่ 20. / 22. 00 น. / 23. / 01. 00 น. จริงๆ หากไม่อยากคำนณให้ปวดหัว มีวิธีที่ง่ายกว่านั้น คือ การเข้าเว็บหรือแอพพลิเคชั่น เพื่อคำนวณเวลาที่เราควรตื่นเมื่อเรากำลังจะเข้านอน ให้เราไม่ต้องตื่นขึ้นมากลางรอบของการหลับอีกต่อไป ดูได้จาก เพียงเท่านี้ การคำนวณการนอนหลับก็จะเป็นเรื่องง่ายดายที่ทุกคนสามารถทำได้แน่นอน