Slime Mold คือ | Slime ในพจนานุกรม ไทย - อังกฤษ-ไทย | Glosbe
ภาพที่ 6 การเตรียมจานเพาะเชื้อสำหรับเลี้ยงราเมือก นำราเมือกที่ต้องการเลี้ยงจากดอกเห็ดหรือก้อนเห็ดหรือจากแหล่งอื่นๆ ที่เป็นระยะพลาสโมเดียมมาวางในจานเพาะเชื้อ แบคทีเรียจะเพิ่มจำนวนขึ้นโดยใช้สารอาหารจากข้าวโอ๊ต จากนั้นราเมือกจะกินแบคทีเรียเป็นอาหาร ถ้าเป็นราเมือกระยะสร้างสปอร์จะใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโตนานกว่าระยะพลาสโมเดียม จากการเพาะเลี้ยงราเมือกในห้องปฏิบัติพบว่า ราเมือกที่แยกได้จากก้อนเห็ดจะสร้างพลาสโมเดียม สีเหลืองแผ่ออกเป็นร่างแหภายในระยะเวลา 3 วัน เมื่อเลี้ยงไว้ประมาณ 7 วัน ราเมือกจะเจริญจนเต็มจานเพาะเชื้อ ดังภาพที่ 7 ภาพที่ 7 ระยะพลาสโมเดียมของราเมือก Physarum sp. ราเมือกส่วนใหญ่ที่พบพลาสโมเดียมสีเหลืองบนก้อนเห็ดมักจะเป็น Physarum sp. ซึ่งจะสามารถจำแนกชนิดได้เมื่อมีการสร้างอับสปอร์ โดยเมื่อเลี้ยงราเมือกเป็นระยะเวลา 14 วัน โดยไม่เติมน้ำและข้าวโอ๊ตเพิ่มในจานเพาะเชื้อ ราเมือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและเข้าสู่ระยะสร้างสปอร์เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมขาดน้ำและอาหาร โดยจะสร้างอับสปอร์สีน้ำตาลเข้มหรือสีดำบนก้านสีเหลือง เมื่ออับสปอร์แก่จะแตกออกเพื่อกระจายสปอร์ที่อยู่ภายใน ดังภาพที่ 8 ภาพที่ 8 ระยะสร้างสปอร์ของของราเมือก Physarum sp.
Video
- อะไรคือความแตกต่างระหว่างพลาสโมเดียลและโมลาร์โมลด์ - 2022 - ข่าว
- Slime mold คือ videos
- Slime mold คือ toy
- ฤกษ์ออกรถ 2563 ตามวันเกิด
- โกลเด้น อเวนิว แจ้งวัฒนะ-ติวานนท์ ทาวน์เฮ้าส์ ขาย 4 ห้องนอน | Dot Property
- Slime mold คือ art
- Slime mold คือ free
- Slime mold คือ 3d
Recipe
Slime mold ในพจนานุกรม ไทย - อังกฤษ-ไทย | Glosbe
ภาพรวมและความแตกต่างที่สำคัญ 2. Myxomycota คืออะไร 3. Eumycota คืออะไร 4. ความคล้ายคลึงกันระหว่าง Myxomycota และ Eumycota 5. การเปรียบเทียบแบบเคียงข้างกัน - Myxomycota vs Eumycota ในรูปแบบตาราง 6. สรุป Myxomycota คืออะไร?
โครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายกระบอง เรียกว่า? basidium ascus zygospore oospore 10. กลุ่มใดจัดเป็นฟังไจกลุ่มที่อยู่ในระยะที่มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ deuteromycetes ascomycetous yeast Zygomycetes Trichomycetes 1. เห็ด รา ยีสต์ 2. 3 3. ราเมือก (slime mold) 4. ราน้ำ และราบกบางชนิด 5. มีการสร้าง resting spore ที่มีผนังหนา เรียกว่า zygospore 6. Penicillium 7. ข้อ 1, 2 ถูก 8. Gloeophyllum trabeum 9. basidium 10. deuteromycetes
